CBL

รูปแบบการเรียนการสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน

มาจากไหน

รูปแบบการเรียนการสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน เป็นหนึ่งในวิธีการของการจัดการเรียนการสอนโดยมีผู้เรียนเป็นสำคัญ

โครงสร้างหลักของรูปแบบการเรียนการสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน ออกแบบและพัฒนามาจากกระบวนการของการเรียนการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based learning )

ทฤษฎีด้านการวัดความคิดสร้างสรรค์ ของศาสตราจารย์ พอล อี ทอแรนซ์

แนวทางการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์แบบความคิดแนวขนานของ ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน (Edward de Bono)

และงานวิจัยด้านการสอนแบบเอาปัญหาเป็นฐานเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ของศาสตราจารย์ อูเซงทาน (Oon -Seng Tan) ผู้อำนวยการ สถาบันการศึกษาแห่งชาติสิงคโปร์

โดยในการศึกษานี้ แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1

เป็นการนำรูปแบบของการสอนโดยเอาปัญหาเป็นฐาน และใช้ทฤษฎีและงานวิจัยต่างๆด้านความคิดสร้างสรรค์ เพื่อ มาสร้างเป็น แบบร่าง (Draft model)

ขั้นตอนที่ 2 เป็นการนำแบบร่างมาวิจัยโดยให้คุณครูใช้สอนวิชาฟิสิกส์

ใช้เวลา 21 ชั่วโมง ระยะเวลา 7 สัปดาห์

กลุ่มที่1 สอนแบบเดิม แล้ววัดความคิดสร้างสรรค์ ก่อนและหลังการสอน

กลุ่มที่2 สอนแบบใหม่ คือใช้แบบสอนสร้างสรรค์เป็นฐาน

แล้ววัดความคิดสร้างสรรค์ก่อนและหลังจบการสอนเช่นเดียวกัน

ผลของการวัดความคิดสร้างสรรค์ ก่อนทำการสอนและหลังทำการสอน

ปรากฏว่าในการสอนแบบเดิมความคิดสร้างสรรค์ก่อนและหลังไม่ต่างกัน

แต่ในการสอนแบบใหม่ ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น ต่างกันอย่างมีนัยะสำคัญ

เครื่องมือวัดความคิดสร้างสรรค์ ก่อนและหลัง พัฒนามาจาก แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ ของ กิลฟอร์ต (pre-test and post-test of the Creative Thinking test develop from Guilford (1956, 1959, 1960, 1986) creative thinking Theory)

ขั้นตอนที่ 3 เป็นการทำการทดสอบเพื่อหาสัมฤทธิ์ผลของ รูปแบบการเรียนการสอนนี้ โดยอาจารย์ และคุณครู ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และในระดับอุดมศึกษา นำไปสอนในกลุ่มผู้เรียนที่แตกต่างกัน และเนื้อหาวิชาเรียนที่แตกต่างกัน ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่มีความแตกต่างกัน

และวัดสัมฤทธิผลที่เกิดขึ้นจากการสอนด้วยรูปแบบใหม่นี้

ผลที่ได้คือ การสอนแบบ CBL Creativity-based learning สามารถช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีความคิดสร้างสรรค์

และยังมีผลต่อการพัฒนาทักษะอื่นๆเช่น ทักษะในการทำงานร่วมกันเป็นทีม ทักษะในการนำเสนอ ทักษะในการค้นคว้าหาความรู้ ซึ่งเป็นทักษะใน ศตวรรษที่21

หลังจากที่งานวิจัยนี้ออกเผยแพร่ ให้ความรู้ มีการจัดอบรมให้คุณครู อาจารย์ในสถานศึกษาต่างๆนำไปใช้สอน มีอาจารย์หลายท่านที่นอกจากจะเปลี่ยนการสอนได้แล้วยังได้นำไปทำวิจัยต่อเนื่องอีกมาก